แอปเปิ้ล
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
แอปเปิลเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ผลัดใบ สูง 3 - 12 เมตร เรือนยอดกว้าง กิ่งหนาแน่น[2] ใบรูปไข่เรียงสลับ
ยาว 5 - 12 ซม. กว้าง 3
- 6 ซม. ก้านใบยาว 2 - 5 ซม. ปลายใบแหลม
ขอบใบหยักคล้ายฟันเลื่อย ใต้ใบปกคลุมด้วยขนนุ่มเล็กน้อย
ดอกเกิดขึ้นพร้อมการแตกใบใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ ดอกมีสีขาวแต้มสีชมพู
และเข้มขึ้นเมื่อดอกใกล้โรย มีกลีบดอกห้ากลีบ เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 - 3.5 ซม. ผลสุกในฤดูใบไม้ร่วง โดยทั่วไปมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 - 9 ซม. กลางผลมีคาร์เพล (carpel) ห้าโพรงเรียงตัวในรูปดาวห้าแฉก
แต่ละโพรงบรรจุไปด้วยเมล็ดหนึ่งถึงสามเมล็ด
บรรพบุรุษ
บรรพบุรุษต้นตระกูลของแอปเปิล (Malus domestica) คือ Malus
sieversii ซึ่งพบเจริญเติบโตตามธรรมชาติในภูเขาของเอเชียกลางในตอนใต้ของประเทศคาซัคสถาน, ประเทศคีร์กีซสถาน, ประเทศทาจิกิสถาน, และ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีน[3] การเพาะปลูกพืชชนิดนี้ มีแนวโน้มที่จะเริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในป่าแถบไหล่เขาของเทือกเขาเทียนซาน
(Tian Shan) ซึ่งเป็นที่ที่แอปเปิลมีการวิวัฒนาการมาเป็นเวลานาน
และมีการอินโทรเกรสชัน (Introgression, การที่ชิ้นส่วนของโครโมโซมจากพืชชนิดหนึ่งถูกถ่ายทอดไปอยู่ในพืชอีกชนิดหนึ่ง
โดยการผสมพันธุ์ข้ามชนิดหรือผสมข้ามสกุล)
ทุติยภูมิของยีนจากพืชชนิดอื่นในเมล็ดพันธุ์จากการผสมเปิด เช่น
ยีนจำนวนมากที่แลกเปลี่ยนกับแครปแอปเปิลยุโรป (Malus
sylvestris) ซึ่งประชากรของแอปเปิลในปัจจุบันมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแครปแอปเปิลยุโรปมากกว่าลักษณะที่ดูคล้ายกันของบรรพบุรุษ
ซึ่งก็คือ Malus sieversii แม้ว่าปัจจุบันในสายพันธุ์บริสุทธิ์จะปราศจากการผสมกับลูกผสมที่มีลักษณะแครปแอปเปิลยุโรปเด่นกว่า[4][5][6] แต่อย่างไรก็ตาม
จากการวิเคราะห์ดีเอ็นเอเมื่อเร็วๆ นี้ พบว่าแอปเปิลอาจวิวัฒนาการมาจาก Malus
sieversii เพียงชนิดเดียวเท่านั้น
เป็นผลไม้ยอดนิยมชนิดหนึ่งของโลก
ต้นแอ๊ปเปิ้ลสูงประมาณ 5-12 เมตร ผลมีเปลือกสีแดง ชมพู เขียว และเหลืองตามสายพันธุ์
เนื้อในเป็นเนื้อทรายละเอียดสีขาวนวล
คุณค่าโภชนาการ
เมื่อกินโดยไม่ปอกเปลือก จะมีพลังงาน 80
แคลอรี วิตามินบี 6 เท่ากับ 0.1 มิลลิกรัม วิตามินซี 7.9 มิลลิกรัม เหล็ก 0.2
มิลลิกรัม ทองแดง 0.1 มิลลิกรัม และโพแทสเซียม
158.7 มิลลิกรัม หากปอกเปลือกปริมาณสารสำคัญต่างๆ
ก็จะลดลงไปจากที่กล่าวไว้
แอ๊ปเปิ้ลมีสารสำคัญคือ
เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ คือ
เพคติน
มีกรด 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน
นอกจากนั้นยังมีการกล่าวถึงสรรพคุณ บำรุงหัวใจ ลดคลอเลสเตอรอล ลดความดัน
ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ และฆ่าเชื้อไวรัส
บทความในวารสารการแพทย์สหรัฐอเมริกา
พ.ศ. 2470 ยกให้แอ๊ปเปิ้ลเป็นผลไม้เหมาะสำหรับผู้ป่วยภาวะเลือดเป็นกรด ไขข้อรูมาติก
เกาต์ ดีซ่าน และอื่นๆ
แอ๊ปเปิ้ลยังช่วยควบคุมน้ำหนัก
เพราะมีแป้งและน้ำตาลถึง 75% ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้ในเวลาไม่เกิน
10 นาที ดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลง
ทั้งทำให้ไม่รู้สึกหงุดหงิดและอ่อนเพลียระหว่างรอเวลาอาหารมื้อใหญ่
แต่แอปเปิ้ลผลสดๆ เท่านั้นที่มีสรรพคุณนี้ การดื่มน้ำแอปเปิ้ลไม่ทำให้หายหิว แต่จะทำให้น้ำหนักเพิ่มด้วย
กินแอ๊ปเปิ้ลวันละ
2-3 ผลช่วยลดปริมาณคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
แต่จะได้ผลมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
แอ๊ปเปิ้ลลดคลอเลสเตอรอลในผู้หญิงได้ดีกว่าผู้ชาย
คณะวิจัยมหาวิทยาลัยพอลซาบาทิเอร์
เมืองตูลูส ฝรั่งเศส ทดลองในอาสาสมัครวัยกลางคนทั้งผู้หญิงและผู้ชาย 30 คน
โดยให้กินอาหารเหมือนเดิมทุกประการ แต่กินแอปเปิ้ลด้วยวันละ 3 ผล ทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือน พบว่าอาสาสมัคร 24
คน มีปริมาณคลอเลสเตอรอลในเลือดลดลง บางคนลดมากกว่า 10% และเมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมันแยกคลอเลสเตอรอลออกมาแล้ว
เพคตินจะคอยดักจับคลอเลสเตอรอลเหล่านั้นนำไปทิ้งก่อนจะถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างกาย
เป็นการขจัดคลอเรสเตอรอลออกไป
แอ๊ปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน
และผู้ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด ปกติเมื่อกินอาหารเข้าไป
อาหารแต่ละชนิดจะย่อยสลายและดูดซึมผ่านผนังกระเพาะลำไส้เข้าสู่กระแสเลือด
ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะเพิ่มช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของอาหารนั้น เช่น
ถ้ากินน้ำผึ้ง น้ำตาลในเลือดจะขึ้นฮวบฮาบทันที แต่สำหรับแอ๊ปเปิ้ล
ถึงจะมีน้ำตาลธรรมชาติในเนื้อแอปเปิ้ลมาก แต่ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
เท่านั้น และยังพบว่าคนที่กินอาหารที่มีไฟเบอร์มากๆ
มีโอกาสเกิดเบาหวานต่ำกว่าคนที่กินน้อย และสำหรับคนที่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว
ไฟเบอร์จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดด้วย แอปเปิ้ลมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำสูงมาก
มาทำความรู้จักกับประโยชน์ของแอ๊ปเปิ้ล
โดยแบ่งตามสีดังนี้
อิลาสตินและคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิวด้วย
2. แอ๊ปเปิ้ลสีชมพู มีสารฟิโนลิกมากที่สุดในบรรดาแอ๊ปเปิ้ลด้วยกัน
ซึ่งสารนี้ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้าและชะลอความแก่
นอกจากนั้นยังมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซี
ทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง ลดการอักเสบ ลดไข้
รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย
3. แอ๊ปเปิ้ลสีเขียว มีรสเปรี้ยวอมหวาน
ช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนักได้ดี เพราะการกิน
แอ๊ปเปิ้ลสีเขียวนอกจากจะได้รับน้ำตาลน้อยแล้ว ยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิว
แข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดี
แอ๊ปเปิ้ลสีเขียวนอกจากจะได้รับน้ำตาลน้อยแล้ว ยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิว
แข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดี
4. แอ๊ปเปิ้ลสีเหลือง มีประโยชน์ต่างจากสีอื่นๆ โดยมีสารเควอร์ซิตินที่ช่วยลดความเสี่ยง
ต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก
รู้หรือไม่ว่า กินแอปเปิ้ลวันละ 1 ผล ร่างกายแข็งแรง
แอปเปิ้ลให้สารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและวิตามินซีเป็นหลัก
ซึ่งปริมาณวิตามินซีจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว
และความสด เนื้อแอปเปิ้ล 100 กรัม มีวิตามินซีประมาณ 6 มิลลิกรัม
และให้พลังงานราว 59 แคลอรี ไม่ทำให้อ้วน
แต่แอปเปิ้ลก็มีสารอาหารที่มีประโยชน์ชนิดอื่นทดแทน
แบบที่เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าผลไม้อื่นแต่อย่างใด
พลังงานที่ได้จากแอปเปิ้ลมีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจคือ
แอปเปิ้ลจะให้พลังงานค่อนข้างต่ำและค่อยเป็นค่อยไป
เพราะแหล่งพลังงานของแอปเปิ้ลคือ
น้ำตาลฟรักโทสซึ่งเป็นน้ำตาลที่เปลี่ยนรูปเป็นพลังงานอย่างช้า ๆ
ในร่างกายช่วยให้ไม่รู้สึกหิว อิ่มนาน ผลที่ตามมาคือ ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะค่อย
ๆ เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่สูงเร็วเหมือนกินขนมหวาน
จึงเหมาะกับคนไข้เบาหวานด้วยเช่นกัน
เปลือกและเนื้อของแอปเปิ้ลมีเส้นใยอาหารที่ชื่อว่า
“เพคติน”
ที่มีคุณสมบัติพองตัวได้มาก ช่วยเพิ่มกากในทางเดินอาหาร
ทำให้อวัยวะในทางเดินอาหารมีการทำงานเป็นปกติ เพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่าย
ซึ่งเป็นการช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
และยังช่วยจับคอเลสเตอรอลไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
ป้องกันโรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง
นอกจากนี้
แอปเปิ้ลยังอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่และสารอาหารที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด
ทั้งวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6 ไบโอติน กรดโฟลิก
กรดแพนโทเธอนิค เกลือแร่ คลอไรด์ เหล็ก ทองแดง แมกกานีส แคลเซียม ฟอสฟอรัส
โพแทสเซียม โซเดียม ซิลิคอน และยังมีกรดอินทรีย์ 2 ชนิด คือ
กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน
สารอาหารเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน โดยเฉพาะวิตามินซี
และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในแอปเปิ้ล
จะช่วยป้องกันโรคหัวใจในผู้ที่รับประทานเป็นประจำ
แอปเปิ้ลเขียว หรือแอปเปิ้ลแดง
ที่มีประโยชน์มากกว่ากัน
เมื่อวิเคราะห์จากคุณค่าสารอาหารต่าง
ๆ เปรียบเทียบระหว่างแอปเปิ้ลเขียวและแอปเปิ้ลแดง พบว่าไม่มีความแตกต่างกันมากนัก
แต่สิ่งที่แอปเปิ้ลแดงมีเหนือกว่าเล็กน้อยคือ ปริมาณของสารแอนโทไซยานิน
ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟลาโวนอยด์นั่นเอง
ดื่มน้ำแอปเปิ้ล ก็ได้ประโยชน์เท่ากินทั้งลูก?
จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
จะพบว่าประโยชน์ของแอปเปิ้ลมาจากองค์ประกอบ 3
ตัวด้วยกันคือ จากเส้นใยอาหาร
สารต้านอนุมูลอิสระที่มีมากบริเวณเปลือก
และจากน้ำตาลฟรักโทสที่มีมากในเนื้อแอปเปิ้ล ดังนั้นหากต้องการดื่มน้ำแอปเปิ้ล
ควรเลือกวิธีการปั่นทั้งผล โดยไม่ต้องปอกเปลือก เพราะหากใช้วิธีคั้นน้ำ
จะทำให้ได้เฉพาะน้ำตาลและสารต้านอนุมูลอิสระอีกเล็กน้อย
ซึ่งอาจทำให้อ้วนได้มากกว่าเดิม
และไม่ได้รับประโยชน์ทั้งหมดจากแอปเปิ้ลอย่างครบถ้วน
กินแอปเปิ้ลอย่างไรให้ได้ประโยชน์
ในแง่โภชนาการ
แอปเปิ้ลไม่ใช่ผลไม้ที่มีวิตามินหรือแร่ธาตุในปริมาณสูงมากนัก เมื่อเทียบกับกล้วย
ฝรั่งหรือส้ม แต่หากทานแอปเปิ้ลวันละ 2-4
ลูก โดยไม่ปอกเปลือกก็จะได้รับเส้นใยอาหารและสารอาหารต่าง ๆ
ในปริมาณที่พอเหมาะ
ในปัจจุบันมีการกล่าวอ้างสรรพคุณของแอปเปิ้ลมากมาย
เช่น บำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด
ลดความอยากอาหาร ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ
ชะลอความแก่และฆ่าเชื้อไวรัส
ซึ่งหากต้องการจะรับประทานแอปเปิ้ลสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมน้ำหนักแล้ว
ก็ควรต้องทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และผักผลไม้อื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อป้องกันการขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
คุณค่าทางอาหารของเเอ๊ปเปิ้ลเขียว
100 กรัม
|
|
พลังงาน
|
52
kcal
|
น้ำ
|
87
g
|
น้ำตาล
|
8
g(1.6 tb.)
|
ใยอาหาร
|
2.2
g
|
เบต้าเเคโรทีน
|
31
mcg
|
วิตมินซี
|
2
mg
|
โปเเตสเซี่ยม
|
127
mg
|
คุณค่าทางอาหารของในเเอ๊ปเปิ้ลแดงวอชิงตัน
100 กรัม
|
|
พลังงาน
|
60
kcal
|
น้ำ
|
85
g
|
น้ำตาล
|
11
g(2.2 tb.)
|
ใยอาหาร
|
2.1
g
|
เบต้าเเคโรทีน
|
36
mcg
|
วิตมินซี
|
1
mg
|
โปเเตสเซี่ยม
|
98
mg
|
คุณค่าทางอาหารของในเเอ๊ปเปิ้ลแดงฟูจิ
120 กรัม
|
|
พลังงาน
|
60
kcal
|
น้ำ
|
104
g
|
น้ำตาล
|
11
g(2.2 tb.)
|
ใยอาหาร
|
1.8
g
|
เบต้าเเคโรทีน
|
40
mcg
|
วิตมินซี
|
1
mg
|
โปเเตสเซี่ยม
|
127
mg
|
“An apple a day keeps the
doctor away” เป็นประโยคที่เปรียบเปรยสรรพคุณของแอปเปิ้ล
ว่ารับประทานเพียงวันละผล ก็ไม่ต้องไปหาหมอแล้ว เดี๋ยวนี้แอปเปิ้ลหาซื้อได้ง่าย
ราคาก็ไม่แพงนัก แถมสรรพคุณก็มากมายจริงๆ